ชายหาดจังหวัดชลบุรี

จังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมด 790.84 ตารางกิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลความยาว 57.40 กิโลเมตร ชายฝั่งของจังหวัดชลบุรีมีลักษณะดังนี้ คือ หาดโคลนซึ่งมีระยะทาง 17.03 กิโลเมตร หัวหาด 39.81 กิโลเมตร หาดทราย 105.17 กิโลเมตร หาดหิน 7.30 กิโลเมตร และ ปากแม่น้ำ 0.85 กิโลเมตร โดยที่จังหวัดชลบุรีมีปากร่องน้ำออกสู่ทะเลทั้งหมด 12 ปากร่องน้ำ มีขอบเขต 4 อำเภอ 22 ตำบลที่ติดชายฝั่งทะเล (ที่มา: https://www.dmcr.go.th/detailLib/7145 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง,2566)

ภาพถ่ายดาวเทียม จ.ชลบุรี (ที่มา: Google Earth)

ชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยที่ตั้งอยู่ ณ จังหวัดชลบุรีคือ ‘หาดพัทยา’ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการมาพักผ่อน มีกิจกรรมชายหาดมากมายให้ทำ ณ หาดพัทยา เช่น ขับเจ็ทสกี เล่นบานานาโบ้ท และทัวร์พาไปดำน้ำที่เกาะล้าน นอกจากนั้นยังชายหาดสวยงามซึ่งตั้งอยู่ในเขตฐานทัพเรือสัตหีบ ชื่อว่า ‘หาดน้ำใส’ ซึ่งมีน้ำทะเลที่ใสสมชื่อ โดยมีการดูแลทำความสะอาด ทำให้ชายหาดมีความสะอาด มีจุดบริการสำหรับอาบน้ำ นักท่องเที่ยวจึงนิยมเดินทางมาพักผ่อนที่นี่

หาดพัทยา (ที่มา: https://thai.tourismthailand.org/)

หาดน้ำใส (ที่มา: https://www.tripgether.com/)

นอกจากนั้นยังมีหาดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวท้องถิ่นนิยมไปเยี่ยมชม คือ หาดบางแสน ซึ่งมีร่มเตียงชายหาดและเสื่อให้เช่าบริการ รวมถึงหาดกระทิงลาย อ่าวอุดม หาดวงอมาตย์ เป็นต้น เกาะที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ ณ จังหวัดชลบุรี อำเภอสัตหีบ คือ เกาะแสมสาร ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการทำกิจกรรมดำน้ำ ซึ่งมีปะการังสวยงามและสัตว์น้ำหลากหลายชนิดให้ได้ชม

หาดบางแสน

หาดกระทิงลาย

อ่าวอุดม

หาดวงอมาตย์

เกาะแสมสาร (ที่มา: https://thai.tourismthailand.org/)

จากข้อมูลสถานการณ์ชายฝั่งจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในปี 2563 พบว่า มีพื้นที่ที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง 95.57 กิโลเมตร และพื้นที่ชายฝั่งที่มีปัญหากัดเซาะ แต่ได้รับการแก้ไขแล้ว 74.60 กิโลเมตร (ที่มา: https://www.dmcr.go.th/detailLib/7145 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง,2566) โดยที่จังหวัดชลบุรี มีโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งด้วยการเติมทรายชายหา แห่งแรกของประเทศไทย คือ หาดพัทยา เนื่องจากปัญหาการกัดเซาะที่ทำให้ชายหาดมีพื้นที่น้อยลง จึงไม่เหลือพื้นที่สำหรับใช้ทำกิจกรรมสันทนาการ จึงมีการเติมทรายชายหาดเกิดขึ้น และหลังจากนั้นได้มีโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่หาดจอมเทียน ซึ่งอยู่ข้างเคียงกับหาดพัทยา เนื่องจากหาดจอมเทียนมีกำแพงยาวตลอดทั้งแนวชายฝั่ง จึงทำให้เมื่อน้ำขึ้นจะไม่เหลือพื้นที่ชายหาดเลย การเติมทรายชายหาดจึงช่วยให้ชายหาดมีความกว้างที่เพียงพอต่อการใช้งาน

งานเติมทรายชายหาดพัทยา

งานเติมทรายชายหาดจอมเทียน

จากการรวบรวมข้อมูลโครงการป้องกันชายฝั่งของจังหวัดชลบุรีพบว่า ในช่วงปี 2558-2566 นั้น พบว่าหน่วยงานรัฐมีการใช้งบประมาณทั้งสิ้น 695.13 ล้านบาท เพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

งบประมาณป้องกันชายฝั่ง จ.ชลบุรี

ที่มาข้อมูล: ระบบข้อมูลการใช้จ่ายภาครัฐ (https://govspending.data.go.th/)